Finite and Non-finite
verb
คำกริยาในภาษาอังกฤษถ้าแบ่งตามหน้าที่จะแบ่งออกเป็น
2 ประเภทคือ
1. Finite verb (กริยาแท้)
2. Non-finite verb (กริยาไม่แท้)
1. Finite verb (กริยาแท้)คือ
กริยาที่ทำหน้าที่แสดงอาการหรือการกระทำของประธานในประโยค
ลองนึกภาพดูว่าในประโยคใดประโยคหนึ่งอาจจะมีคำที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นคำกริยาปรากฎอยู่มากกว่า
1 คำ แต่จะมีกริยาเพียงตัวเดียวที่เป็นกริยาแท้ในประโยค
เป็นกริยาของประธานในประโยค กริยาที่เป็น
finite verb จะสามารถผันรูปได้ตาม subject, Tense, mood และ voice เช่น
ผันตาม Tense
I am not playing game,
but I am doing homework.
(ผันเป็น verb ที่เติม ing ตาม present continuous tense)
They have just finished
their work.
(ผันเป็น verb ช่อง 3ตาม present perfect tense)
ผันตาม subject
She goes to work by car
every day. (ประธานเอกพจน์)
Many people like going
abroad. (ประธานพหูพจน์)
ผันตาม voice
Sarah told me her
secret. (active voice)
I was told about this
matter many times. (passive voice)
ผันตาม mood
I recommended that he
see a doctor. (subjunctive mood) **ไม่ใช่ he sees
2.Non-Finite Verbs (กริยาไม่แท้) อันที่จริงเมื่อดูรูปแล้วก็คือกริยาธรรมดานี่เอง
แต่ว่าไม่ได้นำมาใช้ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ (Finite Verb), หรือกริยาสำคัญ (Principal
Verb), หรือกริยาหลัก (Main Verb) ส่วนมากจะทำหน้าที่ประกอบหรือ ขยาย (Predicate) กริยาแท้ (Finite Verb) มากกว่า
Non-Finite Verb แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. Infinitves คือ รูปกริยาที่ไม่ผันตามประธานหรือตาม tense แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Infinitive with to
2. Infinitive without to
Infinitive with to คือกริยาที่ไม่ได้ผันตามประธานหรือ Tense แล้วมี to นำหน้า เช่น go, have, be, do, etc กริยาที่ตามด้วย to + infinitive เสมอได้แก่
agree to ตกลงที่จะ love to รักที่จะ
arrange to เตรียมที่จะ like to ชอบที่จะ
appear to ดูเหมือน plan to มีแผนที่จะ
decide to ตัดสินใจที่จะ prefer to ชอบมากกว่าที่จะ
ตัวอย่าง He planned to help with my home work.
I decided to sell my house.
She remembered to mail the letter.
Infinitives without to คือรูปกริยาที่ไม่ผันตามประธานหรือ Tenses และไม่มี to นำหน้า มีหลักการใช้ดังนี้
1. ไว้หลังกริยาช่วยและกริยาพิเศษต่อไปนี้ can, could,may, might,shall, should,will, would
ตัวอย่าง Can you speak Thai?
You should take the bus number 14.
They will have a big concert at the stadium.
2. ใช้กับกริยาที่เกี่ยวกับการสัมผัสคือ หู ตา จมูก ผิวหนัง ได้แก่ let,hear, feel,make, notice, see, smell, watch
ตัวอย่าง Please let me go.
He makes his sister cry.
We saw him buy a hamburger.
Non-Finite Verb แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. Infinitves คือ รูปกริยาที่ไม่ผันตามประธานหรือตาม tense แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Infinitive with to
2. Infinitive without to
Infinitive with to คือกริยาที่ไม่ได้ผันตามประธานหรือ Tense แล้วมี to นำหน้า เช่น go, have, be, do, etc กริยาที่ตามด้วย to + infinitive เสมอได้แก่
agree to ตกลงที่จะ love to รักที่จะ
arrange to เตรียมที่จะ like to ชอบที่จะ
appear to ดูเหมือน plan to มีแผนที่จะ
decide to ตัดสินใจที่จะ prefer to ชอบมากกว่าที่จะ
ตัวอย่าง He planned to help with my home work.
I decided to sell my house.
She remembered to mail the letter.
Infinitives without to คือรูปกริยาที่ไม่ผันตามประธานหรือ Tenses และไม่มี to นำหน้า มีหลักการใช้ดังนี้
1. ไว้หลังกริยาช่วยและกริยาพิเศษต่อไปนี้ can, could,may, might,shall, should,will, would
ตัวอย่าง Can you speak Thai?
You should take the bus number 14.
They will have a big concert at the stadium.
2. ใช้กับกริยาที่เกี่ยวกับการสัมผัสคือ หู ตา จมูก ผิวหนัง ได้แก่ let,hear, feel,make, notice, see, smell, watch
ตัวอย่าง Please let me go.
He makes his sister cry.
We saw him buy a hamburger.
2.Gerund (V.ing) / การใช้ Gerund
Gerund คือ คำศัพท์ที่ลงท้ายด้วยการเติม "-ing" ซึ่งทำหน้าที่ได้ทั้งคำนามและคำกริยา ในส่วนของการใช้นั้น หลายท่านอาจจะทราบแล้ว จึงขอสรุปเฉพาะที่คนไทยมักจะใช้่ผิดค่ะ หลังคำกริยาเหล่านี้ ถ้าเป็นกริยาแท้จะอยู่ในรูป -ing เท่านั้น (ห้ามใช้ to นำหน้านะคะ)
กริยาที่ต้องตามด้วย Gerund อย่างเดียว
admit ยอมรับ finish จบ สำเร็จ
allow อนุญาต forgive ยกโทษ
appreciate ซาบซึ้ง fancy นึกถึง/ คิด
avoid หลีกเลี่ยง imagine คิด/ นึก
consider พิจารณา mind รังเกียจ/ ใจจดจ่อ
delay ประวิง/ ทำให้ช้า miss พลาด
ตัวอย่าง
Gerund คือ คำศัพท์ที่ลงท้ายด้วยการเติม "-ing" ซึ่งทำหน้าที่ได้ทั้งคำนามและคำกริยา ในส่วนของการใช้นั้น หลายท่านอาจจะทราบแล้ว จึงขอสรุปเฉพาะที่คนไทยมักจะใช้่ผิดค่ะ หลังคำกริยาเหล่านี้ ถ้าเป็นกริยาแท้จะอยู่ในรูป -ing เท่านั้น (ห้ามใช้ to นำหน้านะคะ)
กริยาที่ต้องตามด้วย Gerund อย่างเดียว
admit ยอมรับ finish จบ สำเร็จ
allow อนุญาต forgive ยกโทษ
appreciate ซาบซึ้ง fancy นึกถึง/ คิด
avoid หลีกเลี่ยง imagine คิด/ นึก
consider พิจารณา mind รังเกียจ/ ใจจดจ่อ
delay ประวิง/ ทำให้ช้า miss พลาด
ตัวอย่าง
- He couldn’t avoid meeting me.
- She dislikes talking a lot.
- Preeda finished writing a report last night.
- I’m sorry that I missed meeting you.
- That man admitted taking the bicycle.
****กลุ่มคำที่ต้องตามด้วย Gerund อย่างเดียว
can’t bear ทนไม่ได้ be accustomed to คุ้นเคย
can’t stand ทนไม่ได้ be used to เคยชิน
can’t resist ต้านทานไม่ได้ be opposed to คัดค้าน
can’t help อดไม่ได้ be tired with เบื่อ
can’t bear ทนไม่ได้ be accustomed to คุ้นเคย
can’t stand ทนไม่ได้ be used to เคยชิน
can’t resist ต้านทานไม่ได้ be opposed to คัดค้าน
can’t help อดไม่ได้ be tired with เบื่อ
ตัวอย่าง
- Would you mind opening the window?
- Do you mind going late to school?
*กริยาซึ่งตามด้วย Gerund หรือ Infinitive ก็ได้ มีความหมายเหมือนกัน
begin เริ่มต้น intend ตั้งใจ
dread กลัว/ หวั่น prefer ชอบ
hate เกลียด continue ทำต่อไป
plan วางแผน neglect ทอดทิ้ง/ ละทิ้ง
love รัก start เริ่ม
like ชอบ It is silly เป็นการไม่ฉลาด
dislike ไม่ชอบ It was a good idea เป็นความคิดที่ดี
begin เริ่มต้น intend ตั้งใจ
dread กลัว/ หวั่น prefer ชอบ
hate เกลียด continue ทำต่อไป
plan วางแผน neglect ทอดทิ้ง/ ละทิ้ง
love รัก start เริ่ม
like ชอบ It is silly เป็นการไม่ฉลาด
dislike ไม่ชอบ It was a good idea เป็นความคิดที่ดี
3.Participle ทำหน้าที่เป็น Adj
ขยาย Noun ถ้ามาเป็นกลุ่มคำเรียกว่า Participli Pharse แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1.Present Participle คือกริยาช่องที่ 1 เติม ing แล้วนำมาใช้เป็นครึ่งกริยาครึ่งคุณศัพท์ ได้แก่ Going, walking,
eating, sleeping, coming, etc. ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้
1.1 เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็น Continuous tense.
1.2 เรียงไว้หน้านาม เป็นคุณศัพท์ของนามนั้น.
1.3 เรียงตามหลังกริยา เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา(มีสำเนียงแปลว่า”น่า”).
1.4 เรียงตามหลังกรรมเป็นคำขยายกรรมนั้น.
2. Past Participle คือกริยาช่องที่ 3 ซึ่งอาจมีรูปมทาจากการเติม ed. ก็ได้ หรือมีรูปมาจาก การผันก็ได้ ได้แก่
กริยาต่อไปนี้ Walked, slept, gone . ..etc. มีวิธีใช้ดังนี้.
2.1 เรียงไว้หลัง Verb to have ทำให้ประโยคนั้นเป็น Perfect tense.
2.2 เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็นกรรมวาจก(Passive voice)ตลอดไป.
2.3 เรียงไว้หน้านามเป็นคุณศัพท์ของนามนั้น.
2.4 ใช้เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยาได้.
2.5 ใช้เรียงตามหลังนามก็ได้ แต่ต้องมีบุรพบทวลีมาขยายเสมอ.
3. Perfect Participle คือ “ Having + Verb 3” เช่น Having finish …+ Past Simple Tense เป็นต้น ซึ่ง Perfect Participle นี้ ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ของประธานในประโยคหลัง และต้องมีเครื่องหมาย (,) ด้วย ซึ่งมีหลักการใช้มากมาย ซึ่งควรศึกษาในภายหลัง.
1.Present Participle คือกริยาช่องที่ 1 เติม ing แล้วนำมาใช้เป็นครึ่งกริยาครึ่งคุณศัพท์ ได้แก่ Going, walking,
eating, sleeping, coming, etc. ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้
1.1 เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็น Continuous tense.
1.2 เรียงไว้หน้านาม เป็นคุณศัพท์ของนามนั้น.
1.3 เรียงตามหลังกริยา เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา(มีสำเนียงแปลว่า”น่า”).
1.4 เรียงตามหลังกรรมเป็นคำขยายกรรมนั้น.
2. Past Participle คือกริยาช่องที่ 3 ซึ่งอาจมีรูปมทาจากการเติม ed. ก็ได้ หรือมีรูปมาจาก การผันก็ได้ ได้แก่
กริยาต่อไปนี้ Walked, slept, gone . ..etc. มีวิธีใช้ดังนี้.
2.1 เรียงไว้หลัง Verb to have ทำให้ประโยคนั้นเป็น Perfect tense.
2.2 เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็นกรรมวาจก(Passive voice)ตลอดไป.
2.3 เรียงไว้หน้านามเป็นคุณศัพท์ของนามนั้น.
2.4 ใช้เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยาได้.
2.5 ใช้เรียงตามหลังนามก็ได้ แต่ต้องมีบุรพบทวลีมาขยายเสมอ.
3. Perfect Participle คือ “ Having + Verb 3” เช่น Having finish …+ Past Simple Tense เป็นต้น ซึ่ง Perfect Participle นี้ ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ของประธานในประโยคหลัง และต้องมีเครื่องหมาย (,) ด้วย ซึ่งมีหลักการใช้มากมาย ซึ่งควรศึกษาในภายหลัง.
ขอขอบคุณที่มา
http://www.pasaangkit.com/
No comments:
Post a Comment