Modal auxiliary verbs (กริยาช่วย)

Modal Auxiliary Verbs 

           Modal Auxiliary Verbs หรือ Modals ก็คือ กริยาช่วย มีทั้งหมด 12 ตัวด้วยกัน โดยแต่ละตัวนั้นมีความหมายและการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ในเบื้องต้นนี้ขอให้พวกเราทุกคนทราบเพียงว่า Modal Auxiliary Verbs นั้นมีอะไรบ้าง ในรูปประโยคบอกเล่า [Affirmative sentence] คำถาม [Interrogative sentence] ปฏิเสธ [Negative sentence] นั้นมีการวางตำแหน่งประธานและ Modal verbs กันอย่างไร สำหรับโครงสร้างต่างๆนั้นสามารถแสดงได้ดังต่อไปนี้
1.โครงสร้างประโยคบอกเล่า [Affirmative sentence]
      can
      could
      will
      would 
      shall 
S.+ should + กริยาไม่มี to [infinitive without ‘to’]
      may
      might
      must 
      ought to
      need 
      dare to

เช่น Big John can translate the information from Thai to English very well.
     บิ๊ก จอห์นสามารถแปลข้อมูลจากไทยเป็นอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมมากๆ

     She could be here tomorrow morning.
     หล่อนอาจจะมาที่นี่พรุ่งนี้ในตอนเช้า

     Big John will be in Chiang Mai on Halloween.
     บิ๊ก จอห์น จะไปเชียงใหม่ในวัน Halloween

    Thomas ought to meet his adviser today.
    โทมัสควรจะไปพบที่ปรึกษาของเขาวันนี้ 

2. โครงสร้างประโยคคำถาม [Interrogative sentence] 

     Modals [12 ตัว] + ประธาน [Subject] + กริยาไม่มี to [Infinitive without ‘to’] + ?

เช่น Could you send me a friend request on Facebook?
     คุณช่วยส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนใน Facebook ให้ผมจะได้ไหม?

     Should I go there with them?
     ฉันควรจะไปที่นั่นกับพวกเขาด้วยไหม?

    Shall we dance?
    พวกเราน่าจะเต้นรำกันนะ?

3. โครงสร้างประโยคปฏิเสธ [Negative sentence]

    ประธาน + Modals + not, never + กริยาไม่มี to [Infinitive without ‘to’] 

เช่น I can not get back home now because of the floods.
     ผมไม่สามารถกลับบ้านได้ช่วงนี้เพราะน้ำท่วม

     Big John should not be back onto Thailand in summer.
     บิ๊ก จอห์นไม่ควรกลับมาเมืองไทยตอนหน้าร้อน

     She will never give up hope.
     หล่อนไม่เคยละทิ้งความหวัง

  ธาเลีย: อาจารย์คะ เป็นไปได้ไหมคะถ้าหลัง Modals จะตามด้วยกริยาในรูปแบบอื่นๆ เช่น V.ing, V.2, V.1 (s,es), infinitive with ‘to’ ?
  อาจารย์จอห์น: คำถามดีมากครับธาเลีย อืม... ไม่ได้ครับหลัง Modals จะต้องเป็นกริยาช่องที่ 1 หรือ กริยาไม่มี to [Infinitive without ‘to’] เท่านั้น ไม่สามารถใช้กริยารูปอื่นๆที่ได้จากการเปลี่ยนรูปโดยเติม -ing, - ed, -s,es ฯลฯ ในส่วนนี้อาจารย์เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะใช้รูปแบบกริยาตามหลัง modal verbs บ่อยๆ ดังนั้นคำถามที่ธาเลียถามมาจะช่วยไขความกระจ่างหรือช่วยให้พวกเราไม่ใช้กริยาอย่างผิดๆถูกๆ ตามหลังหลังกริยาช่วย [Modals] กันอีกต่อไป เอาหล่ะทุกคน ปรบมือให้กับ ธาเลียหน่อยครับ

         *****************************

                                   
กริยาช่วย [Modals] ในแต่ละตัว ว่าใช้อะไรอย่างไร
  1) การใช้ can และ could
การใช้ can และ could มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

   1.1.ใช้แสดงความสามารถ [Showing an ability] ซึ่งการแสดงความสามารถนั้นเราสามารถแสดงออกมาใน 3 รูป คือ

         ปัจจุบัน [Present] Can หรือ is,am,are able to 
         เช่น Big John can draw pictures. / Big John is able to draw pictures.
              They can sing French songs. / They are able to sing French songs.
     
         อดีต [Past] Could หรือ was,were able to 
         เช่น Big John could draw pictures. / Big John was able to draw pictures.
             They could sing French songs . / They were able to sing French songs.

        อนาคต [Future] can หรือ will be able to 
        เช่น Big John can draw pictures. / Big John will be able to draw pictures.

   1.2. แสดงการอนุญาติและการคาดคะเน แปลว่า อาจจะ 

         ปัจจุบัน [Present] can หรือ is,am,are allowed to
         เช่น You can smoke here. / You are allowed to smoke here.

         อดีต [Past] could หรือ was,were able to 
        เช่น You could smoke here. / You were able to smoke here.
      
        อนาคต [Future] can หรือ will be allowed to 
        เช่น You can smoke here. / You will be allowed to smoke here.

   1.3. แสดงการคาดคะเนแปลว่า อาจจะ

        ปัจจุบัน can เช่น She can be there.
        อดีต could เช่น She could be there.
        อนาคต can เช่น She can be there.

  1.4. แสดงการขอร้องโดย could นั้นจะสุภาพกว่า can เช่น

       Can I have your cellphone number, please?
       Could I have your cellphone number, please? [สุภาพกว่า]

  2) การใช้ should, ought to และ had better ที่ให้ความหมายว่า 'ควร, ควรจะ'
เมื่อผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการจะสื่อว่า ใครควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไรในลักษณะการเสนอแนะคำคิดเห็นหรือข้อแนะนำนั้นสามารถใช้กริยาในกลุ่มนี้ โดยสามารถแสดงเป็นโครงสร้างต่างๆได้ดังต่อไปนี้

1. โครงสร้างประโยคบอกเล่า [Affirmative sentence]

    ประธาน [Subject] + should, ought to, had better + V.1 หรือ กริยาไม่มี to [Infinitive witout ‘to’] 

เช่น She should go to the hospital today.
     She had better go the hospital today.
     She ought to go the hospital today.


2. โครงสร้างประโยคปฏิเสธ [Negative sentence]

                          should not 
ประธาน [Subject] + ought not to + V.1 หรือ กริยาไม่มี to
                          had better not

เช่น She should not go to the hospital today.
     She ought not to go to the hospital today.
     She had better not go to the hospital today.

3. โครงสร้างประโยคคำถาม [Interrogative sentence]

   Should + ประธาน [Subj.] + กริยาไม่มี to + ?
   Ought + ประธาน [Subj.] + to + V.1 + ?

ข้อสังเกต: เราจะไม่ใช้ had better ในรูปแบบของคำถาม

เช่น Should she go to the hospital today?
     Ought she to go to the hospital today?

   3) การใช้ may และ might ที่แปลว่า 'อาจจะ'

  3.1. ใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรือในอนาคต เช่น

     เช่น Big John might work there tomorrow. 
          Big John may work there to morrow.
          บิ๊ก จอห์นอาจจะไปทำงานที่นั่นพรุ่งนี้ (อาจจะทำหรือไม่ทำนั้นยังไม่แน่)

         They might (may) join in the Halloween party.
         พวกเขาอาจจะเข้าร่วมงานเลี้ยงวัน Halloween (อาจเข้าหรือไม่เข้าร่วมก็ได้)

  3.2. ใช้ในประโยคขอร้องที่แสดงความสุภาพ 

     May I…? มีความหมายเหมือนกับ Can I…?
     May we…? ซึ่งมีความหมายเหมือนกับ Can we…?

     เช่น May I ask you a few questions?
          ผมขอถามคำถามคุณสัก 2-3 คำถามจะได้ไหม?

          May I have your address, please?
          ผมขอที่อยู่คุณจะได้ไหมครับ?
   3.3. May อาจจะใช้ในความหมายเชิงอนุญาติได้ ซึ่งมีควาหมายเท่ากับ be allowed to [อนุญาติ] เช่น

     เช่น Guests may bring their husbands or wives if they wish.
           ผู้ที่มางานอาจจะ (อนุญาติ) นำเอาแฟนมาได้ถ้าต้องการจะพามา 

รูปปฏิเสธของ may, might คือ

    may not ในส่วนของคำย่อนั้น may not ไม่มีและไม่นิยมใช้ในรูปย่อ
    might not นั้นสามารถใช้ในรูปย่อได้คือ mightn’t 

“might” นั้นสามารถนำมาใช้บรรยายสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย

ตัวอย่างเช่น Big John might become the president of the USA when he is grown-up. 
              บิ๊ก จอห์นอาจจะเป็นประธานนาธิบดีของสหรัฐฯ สักวันหนึ่ง เมื่อเขาโตขึ้น

              If I were a bird, I might wing everywhere.
              ถ้าหากผมเป็นนก ผมอาจจะบินไปทุกๆที่ (เหตุการณ์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก) [เหตุการณ์สมมตินั้นมักจะใช้กริยาช่องที่ 2]

  นิโค: อาจารย์ครับ แล้ว might as well และ may as well หล่ะครับ เราจะใช้คำเหล่านี้ได้เมื่อไหร่?
   อาจารย์จอห์น: ครับสำหรับ may as well และ may as well เราจะใช้บรรยายสิ่งที่คววรจะทำ เพราะไม่มีสิ่งใดที่ดีกว่านี้อีกแล้วที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่น

          - You will have to wait an hour for the next bus, so you might as well walk.
            คุณจะต้องคอยรถประจำทางอีกตั้งหนึ่งชั่วโมงดังนั้นคุณควรจะเดินไปดีกว่า (เพราะไม่มีสิ่งใดที่ดีไปกว่านี้ที่จะทำอีกแล้ว)

          - We may as well go to the party. We have nothing else to do.
            พวกเราควรจะไปงานเลี้ยงกัน เพราะเราไม่มีอะไรที่จะทำได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว 

4. การใช้ Must  ที่แปลว่า 'ต้อง' การใช้ Must นั้นใช้เพื่อบรรยายการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ผู้พูดคิดว่าสิ่งนั้นจำเป็นต้องทำถ้าไม่ทำจะก่อให้เกิดผลเสียได้ การใช้ must นั้นค่อนข้างจะซับซ้อนเนื่องจากยังมีสำนวนอื่นๆที่มีลักษณะการใช้เช่นเดียวกับ Must อยู่มาก ในส่วนนี้นั้นอาจารย์ขอยกเอาเฉพาะคำที่ใช้บ่อยๆเท่านั้น ซึ่งคำบางคำอาจจะใช้บรรยายความหมายว่า ‘ต้อง’ ในปัจจุบัน อดีต และอนาคต และบางคำนั้นสามารถใช้บรรยายได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่ใช้รูปเดิม เช่น 
       Big John must work. (ใช้ทั้งปัจจุบันและอนาคต)
      Big John will have to work. (ใช้บรรยายได้เฉพาะในอนาคตเท่านั้น)

1.ปัจจุบัน และอนาคต [Present, Future]
กลุ่มคำกริยาดังต่อไปนี้จะใช้บรรยายเหตุการณ์ปัจจุบันและอนาคต 

   must 
   has to, have to
   has got to, have got to [ในปัจจุบันนี้มีการเขียนมีการเขียนรูปย่อในรูปแสลง คือ have gotta + V.1, has gotta + V.1]
   is,am,are to
   need (s) to

ตัวอย่างเช่น

   She must help her mom.
   She has to help her mom.
   She has got to help her mom.
   They have to help their moms.
   They have got to help their moms.
   He is to help his mom.
   I am to help my mom.
   He needs to help his mom.
   They need to help their mom.

2. อดีต [Past]
กลุ่มคำกริยาดังต่อไปนี้จะใช้บรรยายเฉพาะเหตุการณ์การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต

   had to
   had got to
   was,were to 
   needed to

ตัวอย่างเช่น

   Big John had to give a public speech.
   Big John had got to give a public speech.
   He was to give a public speech.
   We were to give a public speech.
   She needed to give a pubic speech.

3. อนาคต [Future]
เฉพาะคำต่อไปนี้ใช้บรรยายเหตุการณ์การกระทำในอนาคต 

   will have to + V.1

ตัวอย่างเช่น

   She will have to stay home tonight.
   They will have to submit the report next week.
   People in Bangkok will have to deal with the floods tomorrow.

   อลัน: อาจารย์ครับแล้วถ้าหากเราต้องการจะใช้คำเหล่านี้ในประโยคปฏิเสธทำอย่างไรครับ?
  อาจารย์จอห์น: ไม่ยากครับอลัน เพียงเติมคำว่า not ที่แปลว่า ไม่ ไปในประโยค ดูตามโครงสร้างนี้เลยครับ

1.ปัจจุบัน และอนาคต [Present, Future]

   - ประธาน [Subject] + must + not + กริยาช่องที่ 1 [V.1] หรือกริยาไม่มี to [infinitive without ‘to’]
   - ประธาน [Subject] + does, do + not + have + to + V.1
   - ประธาน [Subject] + has หรือ have + not + got to + V.1
   - ประธาน [Subject] + is,am,are + not + to + V.1
   - ประธาน [Subject] + need (s) + not + to + V.1 หรือถ้าใช้เป็นกริยาแท้ให้ใช้ V.to do เข้ามาช่วย สามารถแสดงเป็นโครงสร้างได้ดังนี้
   - ประธาน [Subject] +does, do + not + need + to + V.1

ตัวอย่างเช่น

    Big John must not work hard.
    She does not have to work.
    He has not got to fix that cellphone on his own.
    They do not have to take much time to complete the project.
    They have not got to take much time to adjust themselves to living in the new environment.
    He is not to get back home now.
    I am not to prepare dinner now.
    He does not need to return the books to the library today.
    They don’t need to practice talking.
    She needn’t talk to him.
    They needn’t submit the report today.

2. อดีต [Past]

   S. + did + not + have to + V.1
   S.+ had + not + got to + V.1
   S.+ was,were + not + to + V.1
   S.+ did + not + need to + V.1

ตัวอย่างเช่น

    Big John didn’t have to give a public speech.
    Big John had not got to give a public speech.
    He was not to give a public speech.
    We were not to give a public speech.
    She didn’t need to give a pubic speech.

3. อนาคต [Future]
เฉพาะคำต่อไปนี้ใช้บรรยายเหตุการณ์การกระทำในอนาคต 

   S.+ will + not + have to + V.1

ตัวอย่างเช่น

   She will not have to stay home tonight.
   They will not have to submit the report next week.
   People in Bangkok will not have to deal with the floods tomorrow.

  หลิน: อาจารย์คะ แล้วถ้าเราจะแต่งประโยคคำถามหล่ะคะ เราจะมีวิธีการสร้างประโยคคำถามอย่างไรคะ?
   อาจารย์จอห์น: การสร้างประโยคคำถามก็ไม่ยากเช่นกัน ดูโครงสร้างดังต่อไปนี้ครับ

1.ปัจจุบัน และอนาคต [Present, Future]

    Must + ประธาน [Subject] + V.1 + ?
    Do,Does + ประธาน [Subject] + have to + V.1 +?
    Has/ Have + ประธาน [Subject] + got to + V. 1 + ?
    Is/ Am/ Are + ประธาน [Subject] + to + V.1 +?
    Do/ Does + ประธาน [Subject] + need + to + V.1 +?

ตัวอย่างเช่น

    Must she help her mom?
    Does she has to help her mom?
    Has she got to help her mom?
    Do they have to help their moms?
    Have they got to help their moms?
    Is he to help his mom?
    Am I to help my mom?
    Does he need to help his mom?
    Do hey need to help their mom?

2. อดีต [Past]

    Did + ประธาน [Subject] + have to + V.1 + ?
    Had + ประธาน [Subject] + got to + V.1 +?
    Was,Were to + ประธาน [Subject] + V.1 + ?
    Did + ประธาน [Subject]+need to + V.1+?

ตัวอย่างเช่น

   Did Big John have to give a public speech?
   Had Big John got to give a public speech?
   Was he to give a public speech?
   Were we to give a public speech?
   Did she need to give a pubic speech?

3. อนาคต [Future]
เฉพาะคำต่อไปนี้ใช้บรรยายเหตุการณ์การกระทำในอนาคต 

    Will + ประธาน [Subject] + have to + V.1 +?

ตัวอย่างเช่น

   Will she have to stay home tonight?
   Will they have to submit the report tomorrow?
   Will people in Bangkok have to deal with the floods tomorrow?

  5) การใช้ Need 
คำว่า Need นั้นใช้ในการแสดงความจำเป็น สามารถจำแนกเป็นประโยค บอกเล่า ปฏิเสธ คำถามได้ดังต่อไปนี้

5.1.ประโยคบอกเล่า
ประโยคบอกเล่านั้นเรา ใช้ need to ที่ให้ความหมายว่า ‘จำเป็นต้อง’ ตัวอย่างเช่น

  - Big John needs to rest after working all day.
    บิ๊ก จอห์นจำเป็นต้องพักผ่อนหลังจากที่เขาต้องทำงานมาตลอดทั้งวัน

5.2.ประโยคปฏิเสธ 
สำหรับประโยคปฏิเสธก็เพียงแค่นำ V.to do [do, does,did] เข้ามาช่วย แล้วเติม not ระหว่าง V.to do กับ Verb แท้ สำหรับความหมายนั้นจะแปลว่า ‘ไม่จำเป็นต้อง’ ตัวอย่างเช่น

  - Big John doesn’t need to stay home today.
    บิ๊ก จอห์นไม่จำเป็นต้องอยู่ที่บ้านวันนี้

  - They all don’t need to hide who they are.
    พวกเขาทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องปิดบังตัวเอง

  - She didn’t need to work hard.
    หล่อนไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก [อดีต ผ่านมาแล้ว สังเกตได้จากการใช้ did]

นอกจากนี้เรายังใช้ need ในโครงสร้างปฏิเสธอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องใช้ V.to do เข้ามาช่วย แต่ need ในที่นี้จะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย เอาหละมาดูโครงสร้างกันเลย

    ประธาน [Subject] + need + not + V.1 

ตัวอย่างเช่น

    Big John needn’t work at night.
    บิ๊ก จอห์นไม่จำเป็นต้องทำงานตอนกลางคืน 

ถ้าเป็นคำถามจะเขียนหรือพูดในลักษณะดังต่อไปนี้

   Do I need to be there in advance? [ใช้เป็น Verb แท้ ต้องนำ v.to do เข้ามาช่วยในการแต่งประโยคคำถาม]
   Need I be there in advance? [ใช้เป็น Verb ช่วย]

ทั้ง 2 ประโยคข้องต้นให้ควาหมายเหมือนกัน คือ 

    ผมจำเป็นจะต้องไปที่นั่นล่วงหน้าใช่ไหม?





ขอบคุณที่มาของข้อมูล: http://www.engtest.net/